ไผ่ตงลืมแล้ง



ไผ่ตงลืมแล้ง (Dendrocalamus Asper Backer)

ไผ่ตงลืมแล้ง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า DENDROCALAMUS ASPER BACKER  อยู่ในวงศ์ GRAMINEA  ลำต้นสูงได้กว่า 15 เมตร. ลำต้นเป็นข้อหรือปล้อง ระหว่างข้อหรือปล้องยาวประมาณ 30-50ซม. 

ลักษณะของข้อนูนเห็นได้ชัดเจน สีของลำไผ่ตงลืมแล้งเขียวเข้มเป็นมันไม่มีขน เนื้อในลำต้นจะตันหรือเกือบตัน อาจมีรูเล็กๆไม่กลวงเหมือนลำไผ่ทั่วไป น้ำหนักเฉลี่ยของหน่ออยู่ประมาณ 1.5-3.0 กิโลกรัม/หน่อ เนื้อของหน่อที่รับประทานได้มีประมาณ 75% ของหน่อ สามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ทนต่อสภาวะต่างๆได้ดี ไม่เปลืองสารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ทำให้ปลอดจากสารเคมี และ ปุ๋ยคอกเป็นปุ๋ยดีที่สุดสำหรับการปลูกไผ่ตงลืมแล้ง ใช้เวลาสั้นในการเก็บเกี่ยวผลผลิต(ประมาณ1ปี) ปลูกง่าย โตไว รายได้ดี (คืนทุนเร็ว ความเสี่ยงน้อย)

ไผ่ตงลืมแล้ง(สายพันธุ์จากอินโดฯ) ไผ่ที่ยังมีโอกาสทางการตลาดสูง

การปลูกไผ่ตงลืมแล้ง :  ฤดูที่เหมาะสม ควรปลูกช่วงต้นฤดูฝน หรือราวเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม





การเตรียมพื้นที่ปลูก

พื้นที่จะปลูกควรตัดโค่นไม้ใหญ่ออก เพราะจะไปแย่งอาหารจากไผ่ ถ้าได้พื้นที่ใกล้แหล่งน้ำจะดีมาก เพราะไผ่เป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก ไผ่ทั่วไปไม่ชอบน้ำขังแต่สำหรับไผ่ตงลืมแล้งน้ำท่วมขังก็ไม่ตาย ได้ทดลองโดยจมอยู่ในน้ำนานถึง 4เดือนก็ไม่เป็นอะไร(แต่ต้องปลูกเกิน6เดือนแล้ว)  เริ่มการเตรียมพื้นที่ปลูกโดยการไถหยาบด้วย ผาน 3 ตากแดดให้ดินแห้งเพื่อกำจัดเชื้อราและวัชพืชบางชนิด ทิ้งไว้ สัก 10 วัน ไถละเอียดด้วยผาน 7 อีกครั้ง เป็นอันใช้ได้

จำนวนกิ่งพันธุ์ที่แนะนำใช้ปลูก

1 ไร่  ระยะห่าง 3x4 เมตร จะลงปลูกได้ 130 ต้น

1 ไร่  ระยะห่าง 4x4 เมตร จะลงปลูกได้ 100 ต้น



วิธีปลูกไผ่ตงลืมแล้ง

ขุดหลุมปลูก ขนาดมาตรฐาน 40x40x40 ซ.ม. แต่ขนาดของหลุมก็ขึ้นอยู่กับสภาพของดินถ้าเป็นร่วนปนทรายหลุมก็ไม่จำเป็นต้องใหญ่ขนาดนั้น ที่ สวนไผ่ธิดาโชค ปลูกไผ่ขนาด 3x4 เมตร. โดยขุดหลุมและนำดินขึ้นมากองไว้ใส่ปุ๋ยคอกผสมกับหน้าดินที่ขุดขึ้นมาลงไปประมาณ 0.5-1.0 กิโลกรัม    ถ้าใครไม่แน่ใจว่าดินแถวนี้มีปลวกเยอะหรือเปล่าก็แนะนำให้ใส่ยาฆ่าแมลงฟูราดานลงไปด้วย 1 ช้อนแกงผสมดินกับปุ๋ยคอกให้เข้ากันรองก้นหลุมด้วยดินที่ผสมปุ๋ยคอกแล้วให้สูงจากดินก้นหลุม ประมาณ 10-15 ซม. แล้วนำต้นกล้าไผ่ตงลืมแล้งวางลงไปในหลุมให้วางกิ่งไผ่เอียงประมาณ 45 องศา(เพื่อหน่อต่อไปจะได้แทงขึ้นตรงและเร็ว) ฉีกถุงพลาสติกออกก่อนวางกิ่งพันธุ์ กลบดินจนพูน ตอนนี้ให้รดน้ำและอัดดินให้แน่น(สำคัญ) เมื่อดินล่างแน่นแล้วให้กลบดินทั้งหมดลงไป พูนดินบริเวณโคนกิ่งไผ่ให้เป็นเนินสูงเล็กน้อย ใช้ไม้ปักเป็นหลักตอกยึดกิ่งไผ่ไว้ให้แน่นเพื่อกันลมโยก ถ้าลมแถวนั้นแรง ถ้าลมไม่แรงมากไม่ต้องปักหลักไม้ ใช้เชือกปอแก้วบางๆมัดให้แน่น  รดน้ำให้ชุ่มเมื่อดินยุบตัวแล้วจะเสมอกับพื้นที่ปลูกพอดี ถ้าจะทำอย่างละเอียด (มีเวลามาก) ควรใช้ทางมะพร้าวหรือวัสดุอื่นช่วยพรางแสงแดดจนกว่าต้นกล้าจะมีใบใหญ่ และตั้งตัวได้ แล้วจึงค่อยเอาออก

การดูแลรักษาไผ่ตงลืมแล้ง                                                                                                                       
       ควรทำการบำรุงรักษาให้เหมาะสมเพื่อให้ได้รับผลผลิตอย่างสม่ำเสมอ ดังนี้
1. การให้น้ำ 
       ช่วงแรก (โดยเฉพาะ 1-3 เดือน) ต้นไผ่ต้องการน้ำมาก ควรให้น้ำวันเว้นวัน แต่ถ้าปลูกไผ่ในฤดูฝน อาจไม่จำเป็นต้องให้น้ำถี่ขนาดนั้นก็ได้(เพราะฉะนั้นเราควรจะปลูกไผ่กันในฤดูฝนเพื่อลดต้นทุนต่างๆ) นอกจากในกรณีฝนทิ้งช่วงนาน จึงให้น้ำช่วย แต่หลังจากหมดฝนแล้ว ผู้ปลูกต้องคอยรดน้ำให้เสมออย่าปล่อยให้ขาดน้ำนาน เพราะในปีแรกต้นไผ่ยังไม่ค่อยแข็งแรงนักถ้าไม่มีน้ำ อาจตายได้โดยง่าย หลังจากต้นไผ่อายุเกิน 6-8 เดือน ไปแล้ว จะแข็งแรงและทนต่อสภาพแห้งแล้งได้ดีขึ้น

2. การใส่ปุ๋ย
       ในช่วงต้นปีแรก (1-3เดือน)ต้นไผ่สามารถใช้ปุ๋ยคอกที่คลุกเคล้าไปกับดินที่ปลูกได้พอ แต่ในระยะต่อๆ ไป จำเป็นต้องมีการพรวนดินรอบๆกอและใส่ปุ๋ยคอก 1เดือน/ครั้ง ครั้งละประมาณ2-3กกในระยะนี้อาจจะเห็นว่าหน่อที่แตกจะมีขนาดค่อนข้างเล็กและจะมีขนาดโตขึ้นทุกๆ ปี ถ้าความชุ่มชื้นและดินอุดมสมบูรณ์ดีพอเพียง แต่ถ้าจะให้ผลรวดเร็วควรจะให้ปุ๋ยเคมี 46-0-0 เร่ง ประมาณ2-3กำมือ/กอ/เดือน จะทำให้ไผ่เกิดหน่อปริมาณมากตลอดปี เดือนที่7 จะทำการตัดแต่งกอและพรวนดินเพื่อกำจัดวัชพืช ปกตินิยมพรวนดินอีกครั้งในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ก่อนที่ดินจะแห้ง เพราะถ้าดินแห้งจะพรวนดินยาก
       ในกรณีที่ต้องการเร่งการออกหน่อ (กรณีพิเศษ)จะใส่ในช่วงต้นเดือน ก.พ.ถึง พ.ค. ปุ๋ยที่นิยมคือใช้ปุ๋ยคอกเป็นหลัก ในอัตรา 5-7กิโลกรัมต่อ กอ/เดือน   หรืออาจใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 200กรัมต่อกอ และปุ๋ยคอก (ขี้ไก่)   200กรัม/กอ (เร่งหน่อเพื่อขาย ก่อนหน่อไม้ไทยจะเริ่มออกหน่อ)

3.การไว้ลำและการตัดแต่งกอไผ่ตงลืมแล้ง
       ไผ่ตงลืมแล้ง เมื่อปลูกได้ประมาณ  3-4 เดือนจะเริ่มแตกหน่อได้ประมาณ 2-3 ลำ ในระยะแรกนี้จะไม่มีการตัดหน่อเลย ปล่อยให้เป็นลำต่อไป การดูแลกอไผ่ในช่วงนี้จะทำการตัดลำต้นที่เล็กออกไป ไม่ต้องเสียดาย ให้เหลือไว้เฉพาะลำที่ใหญ่ ลำที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-1.5 นิ้วตัดทิ้งให้หมด วิธีการตัด ต้องตัดให้จมดิน อย่าให้มีตาเหลืออยู่อีก(ไม่ต้องการให้ขยายพันธุ์อีก)  กิ่งแขนงเล็กๆ บริเวณโคนต้นที่ขึ้นเกะกะของลำแม่ควรตัดแต่งให้โล่ง(แสงแดดส่องถึงพื้นได้) เพื่อสะดวกในการให้น้ำและดูแล เมื่อต้นไผ่อายุได้ประมาณ 7-8 เดือนจะมีหน่อแทงขึ้นมาอีก 5-6 หน่อ ตอนนี้ก็ยังไม่มีการตัดหน่อ ปล่อยให้ไผ่เป็นลำต่อไป แต่ถ้าพื้นที่ตรงนั้นดินอุดมสมบูรณ์ดี หน่อออกเยอะเราควรตัดขายไปบ้าง เช่นถ้าขึ้นมา 5หน่อให้ตัดขายไป 3หน่อ แต่ให้เลือกเอาหน่อที่สมบูรณ์ไว้(หน่อที่เบียดกันให้ตัดออกขายไป) การดูแลกอไผ่เพียงแค่ตัดเอาหน่อเน่า ลำคดเอียงแคระแกร็นออกและตัดแต่งกิ่งแขนงเล็กๆทิ้ง รักษาลำไผ่ให้มีอยู่ประมาณ 5-6ลำ (ลำใหญ่ๆ) จากนั้นจึงเริ่มตัด  หน่อขายบ้าง การตัดหน่อขายนี้ควรจะตัดจากกลางกอก่อนแล้วขยายออกมารอบนอกกอ ซึ่งหน่อนอกๆ ต้องมีการรักษาไว้บ้างเพื่อให้เป็นลำแม่ โดยเลือกหน่อที่อวบใหญ่และอยู่ในลักษณะที่จะขยายออกเป็นวงกลมเพื่อจะทำให้กอใหญ่ขึ้น มีหน่อมากขึ้นในปีต่อไป สะดวกที่จะเข้าไปดูแลรักษาและตัดหน่อ 
      การตัดแต่งกอนั้น ควรทำติดต่อกันทุกๆ ปี  สำหรับไผ่ตงลืมแล้งนี้ควรแต่งกอไผ่ประมาณต้นเดือน  ก.ค.เพราะตอนนี้ ไผ่ชนิดอื่นกำลังออกหน่อ ช่วงนี้หน่อไม้ออกเยอะราคาไม่ค่อยดี ควรปล่อยหน่อให้เจริญเป็นลำแม่ได้เต็มที่ พอต้นเดือนตุลาคม จึงค่อยอัดปุ๋ยคอกและน้ำเพื่อเร่งการออกหน่อในช่วงหน้าหนาว และหน้าแล้ง ช่วงนี้ราคาของหน่อไผ่จะดีมาก (พ.ย.-พ.ค.)ของทุกปี











เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลจาก : www.thidagarden.com และ www.youtube.com

Share on Google Plus

About TheSorawee

Blog บันทึกนี้เป็นที่รวบรวมความรู้ด้านการเกษตรที่ค้นหาได้ตามความสนใจของผู้บันทึก ไม่ขอยืนยันว่าข้อมูลที่บันทึกและรวบรวมไว้มีความถูกต้องมากน้อยเพียงใด เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตร แต่เป็นผู้ที่สนใจอยากเข้ามาเรียนรู้และอยากมีโอกาสได้ลงมือทำเท่านั้น หากจะให้นิยามของ BLOG นี้ว่าคืออะไร เราก็อยากจะนิยามของความรู้ด้านเกษตรใน BLOG คือ "เกษตรทฤษฎี copy_paste" อย่าได้เชื่ออะไรจนกว่าท่านจะได้พิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง ดังนั้น ผู้บันทึกเองยินดีรับคำชี้แนะทุกสถานหากท่านจะเมตตาชี้แนะ แต่หากข้อมูลที่บันทึกทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์ หรือจะเป็นแรงบันดาลใจของท่านใดให้ลงมือทำแบบจริงจัง ก็อย่าลืมแวะมาเล่าให้เราได้ฟังบ้างนะครับ ขอบคุณครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น